Arduino note: Distance Sensor
Distance sensorคือเซ็นเซอร์ตรวจระยะทาง/ตำเเหน่งของสิ่งที่ตรวจจับได้ ซึ่งมีมากมายหลายประเภท และแต่ละประเภทมีหลักการแตกต่างกันดังนี้
1. Ultrasonic distance sensor
ultrasonic คือ คลื่นเสียงที่มีช่วงความถี่ที่สูงกว่า 20 kHz ซึ่งคนเราไม่สามารถได้ยินเสียงในช่วงนี้ได้
Ultrasonic sensor คือ Sensor ที่ใช้หลักการปล่อยคลื่นเสียงultrasonicออกไปและรอรับสัญญาณกลับมา ส่วนใหญ่คลื่นเสียงที่ใช้อยู่ในช่วง 40 kHz
Ability: -สามารถตรวจจับobjectโดยใช้คลื่นเสียง
-มีระยะในการตรวจจับสูง
-สามารถตรวจจับobjectได้โดยไม่ต้องสนใจเรื่องเเสงและสีรบกวน
-สิ่งที่ตรวจจับได้มีทั้งลักษณะเป็นทั้งSolid Liquid ทั้งแบบเปียกและแห้ง
-ตรวจจับไอฝุ่นได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อเราดูจากหลักการแล้วทำให้รู้ว่า Ultrasonic sensorจะสามารถตรวจจับได้2แบบ คือ
1.ตรวจจับการมีวัตถุ
2.ตรวจจับระยะทางของวัตถุ (ใช้เวลาที่รอจนกว่าคลื่นจะกลับมา ในการคำนวณระยะ)
ข้อจำกัด: -ไม่สามารตั้งในที่แคบได้ ในที่ๆไม่มีตัวกลาง(อากาศ เป็นต้น) หรือเป็นพื้นที่สุญญกาศก็ไม่ สามารถใช้ได้เช่นกัน
- การติดตั้งsensorตัวนี้ใกล้ๅกันทำให้เกิดคลื่นรบกวน อาจทำให้ผิดพลาดได้
- วัสดุที่นุ่ม(ดูดซับเสียงเข้าไปได้ดี)จะทำให้การตรวจจับเป้นไปได้ยาก
2.Photo Electronic Sensor (Laser sensor)
เป็นSensorที่ใช้ตรวจจับวัตถุโดยอาศัยหลักการในการวัดปริมาณความเข้มแสงที่กระทบวัตถุและสะท้อนกลับมายังsensor สามารถแบ่งได้เป็น3ประเภท1.Through-beam sensor
มีความสาามารถในการตรวจวัตถุที่มีระยะไกล มีความแม่นยำสูงมาก แต่ไม่สามารตรวจจับสีและวัสดุที่โปร่งแสงและโปร่งใสได้ การปรับแต่งค่อนข้างยากพอสมควร
2.Retro-reflective sensor
sensor ตัวนี้ลักษณะคือจะมีตัวยิงแสง และมีแผ่นสะท้อนเป็นตัวรับ-ส่งค่า ใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อยมาก แต่ความแม่นยำในการตรวจจับน้อยกว่าแบบแรก
3.Diffuse-reflective sensor
Sensor ตัวนี้มีตัวรับและส่งอยู่ในตัวเดียวกัน ทำให้ระยะการตรวจจับน้อย และในการตรวจจับจะมีเรื่องสีเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องด้วย
3.Proximity Sensor
เป็นSensorที่ตรวจจับวัตถุ โดยใช้หลักการของการเหนี่ยวนำและไฟฟ้าสถิตย์ มีความสามารถในการตรวจจับประเภทของวัตถุได้ มีความแม่นยำสูง ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ระยะในการตรวจจับอยู่ใน 4-40mm และเนื่องจากใช้หลักการของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้สภาพอากาศ หรือสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนทางด้านแสง และเสียงก็สามารถทำงานได้อย่างปกติ
แบ่งได้เป้น2ประเภท
1. Inductive sensor
เป็นsensorที่ใช้หลักการในการเปลี่ยนค่าของการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้า ที่ปล่อยออกมาจากขดลวดภายในsensor ซึ่งจะมีผลเฉพาะกับโลหะเท่านั้น
2.Capacitive sensor
เป็นsensorที่ใช้หลักการทำงานที่คล้ายกับแบบแรก คือการเหนี่ยวนทางไฟฟ้า แต่ต่างกันที่ตัวตรวจจับ ซึ่งใช้หลักการของการเปลี่ยนแปลงค่าCapacitive จะสร้างสนามไฟฟ้าสถิตย์(electrostatic) ทำให้สามารถตรวจจับทั้งโลหะและ อโลหะได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของsensorชนิดนี้
4.Limit Switch
เป็นsensorที่อาศัยหลักการตรวจจับทางmechanic คือจะส่งค่าก็ต่อเมื่อมีแรงภายนอกมากระทำ กด-แตะswitch ซึ่งสามารถติดตั้งได้ง่าย ความแม่นยำสูง ราคาถูก แต่มีอายุการใช้งานต่ำ และความเร็วในการตรวจจับอยู่ประมาณที่1.5 m/s ถือว่าช้ามากในการตรวจจับ
5.Infrared sensor
เป็นอุปกรณ์ที่ตรวจจับคลื่นรังสี Infrared โดยมี Pyro Electric ซึ่งจะเปลี่ยนพลังงานความร้อนนี้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้เป็นสัญญาณ Output ออกมา
แบ่งได้2อันคือ แบบตรวจจับความร้อนจากคลื่นInfrared และแบบที่ตรวจจับแสง Infrared ที่พบบ่อยในRemote TVหรือวิทยุในรถ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น